ประวัติ Frank Lampard (แฟรงค์ แลมพาร์ด)

21lampard

ชื่อเต็ม : แฟรงค์ เจมส์ แลมพาร์ด

วันเกิด : 20 มิถุนายน 2521

สัญชาติ : อังกฤษ

ส่วนสูง : 184 ซ.ม

น้ำหนัก 88

สโมสรปัจจุบัน : เชลซี

หมายเลยเสื้อ : 8

ตำแหน่ง : กองกลาง

สโมสรอาชีพ

1994-2001 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

1995-1996 สวอนซี ซิตี้ (ยืมตัว)

2001-ปัจจุบัน เชลซี

ทีมชาติอังกฤษ

1999-ปัจจุบัน ทีมชาติอังกฤษ(ชุดใหญ่)

ในฤดูกาล 2009/10 การทำได้ถึง 27 ประตูจากตำแหน่งกองกลางทำให้แฟรงค์ แลมพาร์ดดูจะเล่นได้ดีตามอายุที่มากขึ้น ถ้าดูจากการลงสนามอย่างสม่ำเสมอปราศจากอาการบาดเจ็บรบกวนและการไม่โดนใบเหลืองพร่ำเพรื่อจนโดนห้ามลงแข่ง ไม่แปลกเลยที่หลายคนจะมองว่าแลมพาร์ดคือเบื้องหลังความสำเร็จของเชลซี เขาเริ่มต้นฤดูกาลด้วยการทำประตูเองและช่วยเพื่อนทำอีกหนึ่งประตูก่อนจะสังหารจุดโทษไม่พลาดในช่วงตัดสินในเกมคอมมูนิตีชิลด์กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่เวมบลีย์

ในเกมพรีเมียร์ลีกกับยูไนเต็ดเดือนพฤศจิกายนที่แสตมฟอร์ดบริดจ์ แลมพาร์ดเปิดลูกฟรีคิกให้จอห์น เทอร์รี่โหม่งพังประตูชัยก่อนที่อาการบาดเจ็บที่ต้นขาจากเกมทีมชาติจะทำให้แลมพาร์ดพลาดลงสนามไป 2 เกม เขากลับมาในเกมกับอาร์เซนอลซึ่งเชลซีบุกไปเอาชนะได้ถึง 3-0 จากนั้นแลมพาร์ดรับหน้าที่ยิงลูกจุดโทษไปติดเซฟเชย์ กิฟเว่นในเกมเยือนแมนเชสเตอร์ซิตีซึ่งนับว่าไม่บ่อยนักที่แลมพาร์ดจะพลาด

ในช่วงคริสต์มาสลูกจุดโทษของแลมพาร์ดช่วยเราไว้ได้ในเกมกับพอร์ตสมัธและเวสแฮมทีมเก่าของเขาที่ต้องยิงถึง 3 ครั้ง ก่อนที่จะทำคนเดียวสองประตูในเกมกับซันเดอร์แลนด์และเบอมิงแฮม

ประตูของแลมพาร์ดช่วยให้เราเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพและเขายังทำคนเดียว 4 ประตูในเกมกับแอสตันวิลลา ทำให้แลมพาร์ดยิงให้เชลซีไปกว่า 150 ประตู เกิน 100 ลูกในพรีเมียร์ลีกและกลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลอันดับ3ของสโมสรแลมพาร์ดยังคงรักษาฟอร์มได้อย่างต่อเนื่อง ทำประตูสุดสวยในเกมกับโสต้คและประตูสำคัญในชัยชนะที่แอนฟิลด์

ชัยชนะเหนือวีแกนในวันสุดท้ายช่วยให้แลมพาร์ดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งที่ 3 และเขายังได้ชูถ้วยเอฟเอคัพร่วมกับจอห์น เทอรรี่พร้อมคว้าดับเบิ้ลแชมป์

ก่อนหน้านั้นเพียงฤดูกาลเดียวแลมพาร์ดยิงให้เชลซีไป 20 ประตู 1 ในนั้นคือลูกชิพมหัศจรรย์ในเกมกับฮัลล์ซึ่งประตูนั้นมีลุ้นเป็นประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลอย่างไม่ต้องสงสัย

แลมพาร์ดยังรักษาฟอร์มไว้ได้ในยุคของหลุยส์ ฟิลิปเป้ สโคลารี ทำประตูสำคัญหลายครั้งให้เชลซีมีลุ้นแชมป์ การมาของกุส ฮิดดิงค์ช่วยให้แลมพาร์ดมีอิสระในการเล่นมากขึ้นและเขาก็ตอบแทนด้วยการทำประตู

หลายเดือนก่อนที่แลมพาร์ดจะต่อสัญญากับทีมไปอีก5ปีในช่วงกลางปี 2008 เขาทำประตูตีเสมอแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกและยิงจุดโทษในช่วงตัดสินไม่พลาด แต่สุดท้ายก็พลาดแชมป์ไป

ในฤดูกาล 2006/07 แลมพาร์ดลงเล่นถึง 62 เกมเป็นสถิติสูงสุดของผู้เล่นเชลซีและยังสร้างสถิติลงเล่นติดต่อกัน 164 นัด

หลังจากเริ่มต้นกับเชลซีได้ดี ในปี 2003/04 แลมพาร์ดเป็นรองเพียงแค่เธียรี่ อองรีในการประกาศรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมในอังกฤษ เขาทำผลงานได้ดีในทีมชาติชุดยูโร 2004 และได้รับเลือกเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของทีมชาติอังกฤษ

ฤดูกาลต่อมาแลมพาร์ดพาเชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2004/05 ด้วยการทำ 19 ประตูรวมทุกรายการ และเขายังพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญของเขาต่อสโมสรในปีถัดมาด้วยการพาทีมป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกโดยคราวนี้แลมพาร์ดทำไป 20 ประตูซึ่ง 16 ลูกในลีกทำให้เขาเป็นกองกลางที่ทำประตูรวมมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก

ในฤดูกาล 2007/08 อาการบาดเจ็บทำให้แลมพาร์ดไม่ได้ลงสนามในเดือนกันยายนแต่เขาก็กลับมาทำ 11 ประตูก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บอีกครั้งในช่วงคริสต์มาสจนต้องพักไปราว 6 สัปดาห์

ช่วงเวลาที่น่าจดจำของแลมพาร์ดในปีนั้นคือการกลับมาช่วยทีมหลังจากสูญเสียมารดาไป โดยเขายิงลูกจุดโทษคว่ำลิเวอร์พูลในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศและประตูตีเสมอในนัดชิง

แม้ว่าฟอร์มของแลมพาร์ดก่อนเข้าสู่ช่วงฟุตบอลโลก 2010 จะดีก็ตาม เขากลับไม่สามารถทำประตูได้แม้แต่ลูกเดียวในฟุตบอลโลก โดยในเกมกับเยอรมนีผู้กำกับเส้นตัดสินผิดพลาดทั้งที่ลูกยิงของแลมพาร์ดข้ามเส้นประตูไปแล้วซึ่งสมควรจะเป็นประตูแรกในฟุตบอลโลกของแลมพาร์ด

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.chelseafc.con & วิกิพีเดีย

ใส่ความเห็น